วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

หนิง ศรัยฉัตร กับ เหตุการณ์ที่ไม่รู้ลืม เมื่อเป็นพิธีกรต่อหน้าพระพักตร์

.ที่สุดของการทำงานในอาชีพพิธีกรของหนิง คือ งาน “ศิริราช คอนเสิร์ต เทิดไท้องค์อัครศิลปิน” เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2553 ณ หอประชุมราชแพทยาลัย คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งในครั้งนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ งานนี้หนิงได้รับการติดต่อจากพี่จิ๊ป วสุ แสงสิงแก้ว ซึ่งได้รับเลือกเป็นพิธีกรฝ่ายชายเช่นกัน พี่จิ๊ปยังบอกว่าทางทีมงานสนใจให้หนิงเป็นพิธีกรฝ่ายหญิง ตอนแรกที่ได้รับการติดต่อหนิงยังนึกว่าฝันไปด้วยซ้ำ พอลองหยิกตัวเองดูถึงรู้ว่าเป็นความจริง จึงตอบตกลงทันที ถือว่าเป็นเกียรติและเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้วสำหรับอาชีพพิธีกรอย่างหนิง จากประสบการณ์การทำงานของหนิง เวลาที่มีเชื้อพระวงศ์เสด็จส่วนใหญ่ คิวของพิธีกรจะถูกตัดให้สั้นที่สุดเพื่อความกระชับ บางครั้งอาจจะพูดแค่ช่วงเริ่มต้นและช่วงปิดงานเท่านั้น แต่ครั้งนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะสคริปต์ที่หนิงได้รับมาทีมงานเขียนไว้เลยว่า พิธีกรจะต้องกล่าวต้อนรับพระองค์ท่านและพูดนำเข้าเพลงทุกๆ 2-3 เพลง .ถึงวันงานหนิงแอบเกร็ง เพราะเกรงว่าจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควรและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตอนรับปริญญาบัตรจากพระองค์ท่านยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้ หนิงไปถึงที่นัดหมายก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง เพราะมั่นใจว่าทางสำนักพระราชวังจะต้องแก้สคริปต์เพื่อตัดทอนให้สั้นที่สุดอย่างแน่นอน แต่เปล่าเลยค่ะ สคริปต์ทุกอย่างยังคงยืนยันตามเดิม หนิงกับพี่จิ๊ปได้รับแจ้งจากทีมงานว่าจะมีการบรรเลงเพลงทั้งหมด 19 เพลง หากพระองค์ท่านเสด็จกลับไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้คอนเสิร์ตดำเนินต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เชื่อไหมคะว่าหนิงสวดมนต์ภาวนาขอให้พระองค์ทอดพระเนตรจนจบคอนเสิร์ต สิ่งที่หนิงปลื้มใจที่สุดคือได้แนะนำชื่อและนามสกุลของตัวเองต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ท่าน ก่อนงานจะเริ่มใจหนิงเต้นแรงมากเรียกว่าแรงที่สุดในชีวิตการทำงานพิธีกรก็คงจะไม่ผิดนัก พอเพลงสรรเสริญพระบารมีขึ้น ใจยิ่งเต้นเร็วขึ้น หันไปสบตาพี่จิ๊ปซึ่งเป็นพิธีกรคู่ หนิงรู้ว่าพี่จิ๊ปคงมีความรู้สึกไม่ต่างกัน นั่นคือเราสองคนโชคดีเหลือเกินที่ได้ทำหน้าที่พิธีกรหน้าพระพักตร์ พอเพลงจบ หนิงถอนสายบัวแล้วก้าวขึ้นไปยืนบนโพเดียมอย่างช้าๆและระมัดระวัง แปลกแต่จริงค่ะ ใจที่เต้นเร็วและแรงค่อยๆลดระดับลงทีละนิด ชั่วครู่ความสงบแผ่กระจายไปทั้งสรรพางค์กาย หนิงยิ้มด้วยความปลื้มปริ่มพร้อมแล้วสำหรับงานนี้ งานที่หนิงจะจดจำไปตลอดชีวิต ก่อนเขยิบเข้าใกล้ไมค์ที่ตั้งโพเดียม สายตามุ่งมั่นจับจ้องไปที่พระองค์ท่านเพียงจุดเดียว หนิงและพี่จิ๊ปทำหน้าที่พิธีกรดำเนินรายการต่อไปอย่างมีความสุขและอิ่มเอม แถมที่นั่งของเราทั้งคู่ยังหันหน้าเข้าหาพระองค์ท่านอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นบุญของหนิงจริงๆ ระหว่างรอคิว หนิงไม่ทำอะไรนอกจากมองพระองค์ท่านอย่างไม่ละสายตา หนิงอยากมองเพื่อบอกตัวเองว่านี่คือเรื่องจริง ตลอดระยะเวลา 2 ชั่วโมง เรา 2 คนได้แนะนำบทเพลงอันแสนไพเราะเป็นระยะๆ และคอยลุ้นอยู่ตลอดว่าพระองค์ท่านจะเสด็จกลับหรือไม่ ปรากฏว่าพระองค์ท่านทอดพระเนตรจนจบรายการ ครั้นพอถึงช่วงพูดปิดรายการหนิงใจหาย และยังคงจำประโยคนั้นได้ไม่มีวันลืม “และต่อจากนี้ไป ทุกท่านจะได้รับฟัง 3 บทเพลงสุดท้าย…” หนิงเสียงสั่น อยากร้องไห้ด้วยเหตุผลเดียวคือไม่อยากให้จบค่ะ หนิงมีความสุขกับทุกวินาทีของการทำงานครั้งนี้ นับได้ว่าคงเป็นงานเดียวในชีวิตที่หนิงไม่อยากกล่าวคำอำลาสวัสดี แต่ทุกงานเลี้ยงต้องมีเลิกรา จริงไหมคะ และหน้าที่ย่อมสำคัญกว่า หนิงจึงสะกดใจไม่ให้เสียงสั่น เดินยิ้มออกไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด จบงานนี้หนิงบอกกับตัวเองว่า หากพรุ่งนี้จะไม่มีใครจ้าง ก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะนี่คือ “ที่สุด” ของอาชีพพิธีกรของหนิงแล้ว รางวัล เงินทอง หรือคำชมใดๆไม่มีความหมายเท่ากับการได้รับเลือก ให้เป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ หนิงปลื้มปิติที่สุดในชีวิตที่ได้ถวายงานพระองค์ท่าน ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มาบทความจากหนังสือ พูดเป็น เก่ง มั่น สไตล์ หนิง-ศรัยฉัตร ดาวน์โหลดอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.mbookstore.com บทความนี้ได้รับอนุญาตให้เผยแพร่ได้บนเว็บไซต์ Mthai.com เท่านั้น ติดตามอัพเดทข่าวสารแฟชั่นมาใหม่ก่อนใคร คลิกที่นี้
เทรนด์แฟชั่น อัพเดทแฟชั่นใหม่ล่าสุด ชุดเดรส ชุดแซก ชุดเดรสทำงาน ชุดกระโปรง ชุดไปเที่ยวทะเล ชุดออกงาน ชุดไปงานแต่งงาน ชุดเดรสสวยหรู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น