วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ปาดน้ำตาแล้วยิ้มสู้! ชีวิตใหม่ของ เบลล่า ศิรินทิพย์ หญิงไทยคนแรก ที่รอด มะเร็ง

จากเวิร์คกิ้งวูแมนไฟแรง อนาคตไกลในวัย 26 ปีที่ ใช้ชีวิตสุดเอ็กซ์ตรีมแบบเวิร์ค ฮาร์ด และเพลย์ ฮาร์ดเดอร์ เบลล่า น.ส.ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ ในขณะที่กำลังเรียนปริญญาโท ที่ประเทศอังกฤษ ใช้ชีวิตวัยสาวตะลอนเที่ยวไปทั่วยุโรป ทำงานร้านอาหาร 2 ร้าน เธอนอนวันละ 4 -5 ชม. และเหลืออีกเพียงแค่สอบตัวสุดท้ายก็จะคว้าปริญญากลับมาบ้านเกิดเมืองนอน ให้ครอบครัวได้ชื่นใจ กลับมีอาการป่วยเรื้อรัง ที่รักษาไม่หายขาดสักที จนเธออยากรักษาให้หายก่อนสอบวิชาสุดท้าย เธอจึงเดินทางกลับไทย ด้วยคาดหวังว่าจะมารักษาตัวเพียงชั่วคราว แต่กลับพบคำตอบว่าตนเองป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง คุณหมอคาดว่ามีเวลาเหลืออยู่อีกเพียง 6 เดือน และไม่ได้กลับอังกฤษไปอีกเลย นับจาก 3 ปีที่แล้ว ในวันนี้ เธอมีอายุ 29 ปี ได้รับคีโมมาแล้ว 26 ครั้ง ฉายแสง 18 ครั้ง ผ่าตัดใหญ่ 2 ครั้ง ผ่าตัดเล็กนับไม่ถ้วนและปัจจุบันโรคสงบแล้ว และค้นพบความสุขในชีวิตที่เรียบง่ายและใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น นั่นคือ การใช้เวลาในปัจจุบันอยู่กับครอบครัว กับคนที่รักเธออย่างรู้คุณค่า เธอเดินทางผ่านชีวิตช่วง 3 ปีนั้นมาได้อย่างไร เธอจัดการชีวิตตัวเองในด้านต่างๆ อย่างไรบ้าง ตามมาเรียนรู้ไปกับเธอกันค่ะ ก่อนพบจุดหักเหของชีวิต…. ขณะอยู่อังกฤษ เธอมักไออย่างหนัก มีไข้ต่ำๆ น้ำหนักลด ผมร่วง ประจำเดือนไม่มา และเป็นลม ด้วยความเป็นห่วงการเรียนที่ใกล้จบเต็มทีแล้ว เธอจึงกลับมารักษาตัวที่ไทย เมื่อ X – Ray จึงพบก้อนเนื้อก้อนใหญ่ขนาด 9 เซนติเมตร ที่ขั้วปอด เมื่อคุณพ่อของเธอทราบเรื่องจึงพาลูกสาวไปตรวจต่อ ณ โรงพยาบาลเอกชนทันที เพื่อหาโรคให้พบโดยเร็วที่สุด ผลสรุป เธอป่วยด้วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่ 2 แต่ด้วยสภาพร่างกายที่ท้องเสียตลอดเวลา หายใจเองไม่ได้ ก้อนมะเร็งใหญ่มาก และไอหนักมาก ทำให้หมอคาดว่าไม่น่าจะอยู่เกิน 6 เดือน ทันทีที่หมอบอกเช่นนั้น เธอกลับห่วงถึงเรื่องการเรียนที่เหลืออีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะคว้าปริญญาโทกลับมาได้สำเร็จ แต่นี่คือสิ่งที่คุณพ่อของเธอบอกว่า “ไม่ต้องไป ทิ้งไปซะ! ปริญญาโท เอาชีวิตไว้ก่อน กรูเป็นคนจ่ายตังค์ยังไม่แคร์เลย”” หลังจากรู้ผล ว่าเป็นมะเร็ง ระยะสาม มีเวลาอยู่ได้อีก 6 เดือน เรียกได้ว่าสิ่งที่เราเครียดและกังวลที่สุด ไม่ใช่การเป็นมะเร็ง ไม่ใช่คนที่รู้ตัวว่าใกล้ตาย ไม่ใช่การกลัวตาย แต่กลัวไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำ กลัวคนข้างหลังมีภาระ เราเขียนทุกอย่างออกมาใส่กระดาษ ทั้งรหัสบัญขี ATM Email เลขที่ห้องพัก คล้ายๆ ลายแทง พิกัดต่างๆ พินัยกรรม ถ้าเป็นอะไรไปคนข้างหลังจะได้เคลียร์เรื่องง่ายขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าสมบัตินอกกาย คือ สติ ! เราจะมาร้องไห้มาอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้ เราต้องเข้มแข็งเพื่อคนในครอบครัว เราเชื่อว่ามันต้องรักษาได้ เราไม่อยากทำให้ป๊าม๊าเสียใจ และเราต้องผ่านมันไปได้ !… นี่คือสิ่งที่เธอบอกกับตัวเอง ชีวิตระหว่างรักษาตัว … เธอ แอดมิทเพื่อเข้ารับการรักษาตัวต่อทันทีในโรงพยาบาลรัฐ ระหว่างนั้น เธอทั้งไอหนัก นอนราบไม่ได้ กินไม่ได้ ท้องเสีย ความดันต่ำ หัวใจเต้น 130 ครั้งต่อนาที แต่ยังคงรักษาตัวต่อไม่ย่อท้อ แม้จะแพ้คีโมตั้งแต่ครั้งแรกอย่างหนัก เธอแก้ปัญหาด้วยการบ่น ระบายให้หมอ พยาบาลและญาติฟัง เพื่อ รับรู้อาการ และ แก้ปัญหาร่วมกัน ซึ่งทำให้เธอรับมือกับ คีโมอีก 25 ครั้งได้อย่างดีขึ้น เธอเล่าใน บล็อก http://jingabella.com ว่า อย่าไปทนค่ะ งดดราม่า นางเอกพระเอกสมัยใหม่ต้องแสดงออกค่ะ ไม่งั้นไม่มีใครรู้ค่ะ ว่าเมิงเป็นอะไร ไอหนักมาก >> กินยาแก้ไอ จิบน้ำอุ่นบ่อยๆ นอนราบไม่ได้ >> ใช้หมอนหนุน ต่อท่ออ๊อกซิเจนช่วย กินอะไรไม่ลง พะอืดพะอม >> กินยาแก้อาเจียน มีตั้งแต่ 3 บาท ,60 บาท ,1200 บาท เลือกตามอัธยาศัย ท้องเสีย>>ส่งอุนจิเพาะเชื้อ >> กินยาฆ่าเชื้อ ปากเปื่อย >> บ้วนน้ำเกลือ ปวดเส้น >> ทาเจล ปวดกระดูก >> กินยาแก้ปวด เพลีย >> เจาะเลือด >> ให้เลือด >> ฟื้นชีพ ทุกอาการ ไม่ว่าจะเล็กจะน้อย เราก็ไม่ควรมองข้าม อย่าอดทน อย่าคิดว่า “ไม่เป็นไรหรอก” ไม่แน่ใจ ไปรพ.ขอ X-ray เจาะเลือด เพราะอาการเล็กๆน้อยๆนั่นแหละ คือสัญญาณเตือนที่อาจอันตรายถึงชีวิตได้ ติดตามอัพเดทข่าวสารแฟชั่นมาใหม่ก่อนใคร คลิกที่นี้
เทรนด์แฟชั่น อัพเดทแฟชั่นใหม่ล่าสุด ชุดเดรส ชุดแซก ชุดเดรสทำงาน ชุดกระโปรง ชุดไปเที่ยวทะเล ชุดออกงาน ชุดไปงานแต่งงาน ชุดเดรสสวยหรู

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น